วิศวกร VS ฟิสิกส์ยุคใหม่
(ตอนที่๗)
Download
PDF File
๑๓. การทดลองของนิมิตฯ (NIMIT
THEERALEEKUL EXPERIMENT) เป็นการทดลองที่ผู้เขียนเสนอขึ้นมาเพื่อพิสูจน์การมีอยู่จริงของอีเธอร์
โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์เบื้องต้นแบบง่ายๆนั่นคือการทดลองเกี่ยวกับพลังงานแม่เหล็ก (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า) ที่เกิดขึ้นจากขดลวดโซลินอยด์ (SOLENOID) ที่ถูกป้อนด้วยไฟฟ้ากระแสตรง ดังแสดงในรูป
รูปแสดงการทดลองของนิมิตฯ
ตามรูป (a) เมื่อขดลวดสองขดแยกกันอยู่ และถูกป้อนด้วยกระแสไฟฟ้าจากขั้วที่เหมือนกัน
พลังงานแม่เหล็กที่เกิดขึ้นจะมีทิศทางเดียวกัน
และพลังงานแม่เหล็กที่ได้จากขดลวดรวมจะเป็นสองเท่าของแต่ละขด
แต่เมื่อขดลวดทั้งสองถูกป้อนด้วยกระแสไฟฟ้าจากขั้วต่างกันตามรูป (b) พลังงานแม่เหล็กที่เกิดขึ้นจะมีทิศทางตรงกันข้ามกัน
และพลังงานแม่เหล็กที่ได้จากขดลวดรวมจะหายไป
เมื่อพิจารณาผลลัพธ์ของพลังงานแม่เหล็กจากขดลวดรวมในกรณี (a) จะเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
เพราะเป็นพลังงานที่ได้จากแบตเตอรี่ทั้งสองรวมกัน แต่ในกรณี (b) นั้นจะต่างออกไป
เพราะในขณะที่แบตเตอรี่ทั้งสองต่างยังคงจ่ายพลังงานออกมา
แต่พลังงานที่ได้กลับหายไป
ซึ่งในกรณีนี้เราสามารถอธิบายสาเหตุและเหตุผลได้ในทำนองเดียวกับการทดลองที่ทำกับอากาศในข้อ ข. ตอนที่๑๒ โดยผลที่ได้น่าจะสรุปได้ว่ามีอีเธอร์เป็นตัวกลางทีทำให้เกิดพลังงานแม่เหล็กซึ่งมีทิศตรงกันข้ามขึ้นมารอบๆขดลวดทั้งสอง
๑๔. การทดลองกับสายอากาศวิทยุ (RADIO ANTENNA
EXPERIMENT) เป็นการทดลองเกี่ยวกับคลื่นวิทยุ (ซึ่งเป็นส่านหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)
เพื่อพิสูจน์ว่าในอวกาศมีอีเธอร์เป็นตัวกลางทีทำให้เกิดพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า
(ตามที่วิทยาศาสตร์ยุคแรกๆจินตนาการดังที่เกริ่นไว้แล้ว) โดยแสดงไว้ในรูปข้างล่าง
รูปการทดลองเรื่องคลื่นวิทยุ
ตามรูป (a) วิทยุ VHF สองเครื่องวางห่างกันเท่ากับเศษหนึ่งส่วนสี่ของความยาวของ WAVE LENGTH และเมื่อป้อนคลื่นเสียงที่มี PHASE ตรงกันข้ามเข้าเครื่องทั้งสอง
ผลที่ได้จะเป็นรูปทรงของสัญญาณวิทยุที่แพร่กระจายตามรูป (b)
และเมื่อเราเลื่อนเครื่องวิทยุเข้าใกล้กันเข้าไปอีก รูปทรงของสัญญาณก็จะลดขนาดลง
ยิ่งเราเลื่อนเครื่องวิทยุเข้าใกล้กันเข้าไปมากเท่าไร
รูปทรงของสัญญาณก็จะยิ่งลดขนาดลงมากขึ้น
จนเมื่อเครื่องวิทยุทั้งสองอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน สัญญาณวิทยุที่เกิดขึ้นก็จะหายไป
ถึงจุดนี้ท่านผู้อ่านคงจะสังเกตเห็นว่าปรากฏการที่พลังงานของสัญญาณวิทยุที่เกิดขึ้นได้หายไปในขณะที่เครื่องวิทยุทั้งสองยังทำงานโดยยังคงจ่ายพลังงานอยู่นี้
มีลักษณะเหมือนปรากฏการที่เกิดขึ้นกับกรณีของการทดลองเกี่ยวกับพลังงานแม่เหล็กที่เกิดขึ้นจากขดลวดโซลินอยด์ซึ่งหายไปในขณะที่ยังถูกป้อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้ากระแสตรงของแบตเตอรี่อยู่
ดังนั้นจึงสามารถสรุปผลได้ในแบบเดียวกันคือ มีอีเธอร์เป็นตัวกลางทีทำให้เกิดพลังงานของสัญญาณวิทยุซึ่งมีทิศตรงกันข้ามขึ้นมารอบๆสายอากาศทั้งสอง
ท้ายนี้จากการทดลองทั้งสองน่าจะทำให้เราเกิดความมั่นใจพอที่จะเชื่อได้ว่ามีอีเธอร์ในที่ว่างของอวกาศจริงแท้แน่นอน และเหนือจากนั้นการทดลองล่าสุดที่ค้นพบอนุภาคพระเจ้าเป็นการตอกย้ำถึงการมีอยู่ของสนามพลังฮิกส์ซึ่งเทียบได้กับการมีอยู่ของอีเธอร์ ถึงตอนนี้เรื่องทั้งหลายก็น่าจบด้วยดี แต่อนิจจาพระเจ้าช่วย (กล้วยทอด)
มันกลับสร้างปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้นมาแทน นั่นก็คือปัญหาของสนามพลังฮิกส์
๑๕. ปัญหาของสนามพลังฮิกส์ อันที่จริงเมื่อเราได้พิสูจน์ถึงการมีอยู่ของสนามพลังฮิกส์ซึ่งเป็นไปตามคำทำนายของทฤษฎีโครงสร้างมาตรฐานของอนุภาคทางฟิสิกส์แล้ว
เรื่องควรจะจบแค่นี้ เพราะทฤษฎีเองก็น่าจะสมบูรณ์ตามที่มันได้คาดไว้ว่าผลจะเป็นอย่างไร
แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คาด
โดยมันได้ก่อให้เกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้นมาอีกอย่างที่นึกไม่ถึง
กล่าวคือการมีอยู่ของสนามพลังฮิกส์มันดันไปขัดกับ ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ซึ่งเป็นเสาหลักของทฤษฎีโครงสร้างมาตรฐานของอนุภาคทางฟิสิกส์เอง
(ทำไมๆฟ้าให้ไอน์สไตน์เกิดแล้วจึงให้ฮิกส์เกิดขึ้นมาอีกด้วย)
เมื่อสรุปแล้ว
สำหรับคนที่พอจะคุ้นเคยกับทฤษฎีโครงสร้างมาตรฐานของอนุภาคทางฟิสิกส์แล้วจะทราบว่า
โดยคร่าวๆแล้วทฤษฎีนี้อิงบนเสาหลักสองต้นคือ
ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์กับทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัม
ซึ่งทฤษฎีแรกมีหลักที่สำคัญคือ
อวกาศ (VACUUM SPACE) เป็นที่ว่างเปล่า (ที่ไม่มีอะไรทั้งสิ้นอยู่
ยกเว้นวัตถุ สิ่งของ ที่เรารู้จัก) ส่วนทฤษฎีหลังนั้นกลับเป็นตรงกันข้าม
เพราะในอวกาศนั้นเต็มไปด้วย สิ่งที่ถูกเรียกว่า คลื่นพลังงานควอนตัม (QUANTUM VACUUM WAVE ENERGY) แต่ในตอนนี้อย่าพึ่งไปรู้ว่ามันคืออะไร
เดี๋ยวจะสับสนเปล่าๆ
|
|
https://www.thewordofthemonth.com/ |
http://blogs.discovermagazine.com |
รูปการ์ตูนอนุภาคฮิกส์ - สนามพลังฮิกส์
หมายเหตุ
๑.ท่านผู้อ่านอาจรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ผู้เขียนมักจะพูดอยู่บ่อยๆว่า สำหรับคนที่พอจะคุ้นเคยกับทฤษฎีโครงสร้าง ..... โดยสงสัยว่าจริงแล้วตัวผู้อ่านเองจะมีทางคุ้นเคยกับทฤษฎีนี้ได้หรือ ผู้เขียนขอรับรองว่าอีกสักพักเมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง ผู้อ่านจะรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ใจเย็นๆครับ เชื่อผมกินขนมได้เลย
๒. สำหรับรูปการ์ตูนด้านซ้ายมือ ผู้อ่านส่วนใหญ่ที่ติดตามบทความนี้มาตั้งแต่ตอนแรกน่าจะพอ
GET อารมณ์ขันว่าอนุภาคพระเจ้า (HIGGS BOSON) นั้นประหลาดและลึกลับมาก
จนไม่มีใครเข้าใจมันได้และมันเองต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ ส่วนในรูปขวามือนั้น
สนามพลังฮิกส์เองก็ประหลาดและลึกลับไม่แพ้กัน จึงขออธิบายเพิ่มเติมว่า
สนามพลังฮิกส์นี้เปรียบได้ดังฝุ่นที่กระจายอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง โดยเครื่องดูดฝุ่นสามารถดูดมันให้มารวมกันอยู่เป็นกลุ่มก้อน
ซึ่งเปรียบได้เสมือนกับเป็นอนุภาคฮิกส์ที่เกิดขึ้นมาจากสนามพลังฮิกส์)
ท้ายที่สุดแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่าในแวดวงของคนที่สนใจเรื่องนี้ (รวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย)
ทำไมนักฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องจึงไม่เคยพูดเรื่องที่สำคัญเช่นนี้เลย
(นั่นคือการมีอยู่ของสนามพลังฮิกส์ซึ่งเป็นไปตามคำทำนายของทฤษฎีโครงสร้างมาตรฐานของอนุภาคทางฟิสิกส์ แต่ไปขัดกับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์)
ซึ่งอันที่จริงแล้วในความเห็นของตัวผู้เขียนเองคิดว่า ในใจของพวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีคำถามเรื่องนี้ค้างอยู่
แต่ที่ไม่กล้าพูดออกมาเพราะยังไม่มีคำตอบที่สามารถอธิบายว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น
และเพื่อให้เข้าใจถึงปัญหา เราต้องวกกลับไปพิจารณารายละเอียดของทฤษฎีโครงสร้างมาตรฐานของอนุภาคทางฟิสิกส์อีกครั้ง
โดยจะเริ่มกันในตอนหน้านะครับ